โอวาทธรรม "คัมภีร์กัปป์สุดท้าย"
องค์พระศรีอาริยเมตไตรย และพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมทรงน้อมสดับฟังพระวจนะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงเรื่องการประคับประคองช่วยเหลือเหล่าเวไนยสัตว์ที่ต้องผจญกับความทุกข์ยากและสิ่งชั่วร้าย ในช่วงวาระกัปสุดท้ายว่า
''ฟ้าเบื้องบนจะทรงบัญชาให้เทพยดาผู้คุมเกณฑ์กำหนดตารางสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อสำรวจดูคัมภีร์กัปป์สุดท้ายนี้หากพบว่ามีเหล่าสาธุชนเผยแพร่ออกไป ด้วยความเคารพศรัทธาพวกเขาทั้งหลายย่อมสามารถรอดพ้นจากเกณฑ์วาระแห่งมหันตภัยได้และทุกชีวิตในครอบครัวจะไร้ทุกข์โศก''
ผู้ที่ละเว้นกรรมชั่ว ถือศีลกินเจ ประกอบแต่คุณงามความดีจะไม่ต้องเศร้าสลดวิตกกังวลที่จะได้ประสบพบเจอกับภัยพิบัติทั้ง ๑๐ ประการ อันได้แก่
๑.ถูกเพลิงไหม้เผาผลาญ ถูกน้ำไหลปาท่วมทัน
๒.ถูกเมฆหมอก ควันพิษ ทำลายล้าง
๓.มึนซึม หลับใหลหมดสติตาย
๔.ถูกสัตว์ร้าย งูพิษ ขบกัด
๕.ถูกประหัตประหาร เข่นฆ่าตายด้วยภัยสงคราม
๖.สามีภรรยาต้องพลัดพรากหย่าร้าง
๗.ต้องเร่ร่อน อพยพหลบหนี ไม่มีที่อยู่อาศัย
๘.ต้องเผชิญกับอากาศที่ผันแปร ทั้งหนาวเหน็บ ทั้งร้อนและแห้งแล้ง
๙.ต้องเศร้าโศก ต่อภาพของซากศพที่กองเกลือนกลาดทั่วแผ่นดิน
๑๐.ไม่ได้พบเห็นความสงบสุขและสันติ
หากมนุษย์ในโลก จิตใจชั่วร้าย ต่ำทราม ลบหลู่หลักธรรมคัมภีร์ สิ้นศรัทธาในคุณความดี ถึงเกณฑ์ปีวอก ปีระกา ปีจอ และปีกุน เมื่อใด .. เมื่อนั้นมีข้าวก็ไร้คนกิน ... มีเสื้อก็ไร้คนใส่ .. มีถนนก็ไร้คนเดิน .. มีบ้านก็ไร้คนอยู่ .. มีนาก็ไร้คนทำ จบจนถึงวาระเดือนห้าเดือนหก สัตว์ร้ายงูพิษจะออกเพ่นพ่านไปทั่วเข้าเดือนแปดเดือนเก้า เหล่าคนชั่วร้ายจะตายสิ้น จนซากศพ เกลื่อนกลาดเต็มพื้น!
บนท้องถนนล้มตายนับไม่ถ้วน.. มหันตภัยมาถึง หนึ่งหมื่นคนตายเก้าพัน ! พืชพันธุ์ธัญญาหารเก็บเกี่ยวได้ผลน้อยเกิดลมพายุฝนฟ้าคะนอง เหล่าพญานาคดุร้ายเกะกะระรานไปทั่ว
ถึงกาลเวไนยสัตว์มีภัย องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ผู้เป็นใหญ่จึงมีพระบัญชาส่งสองขุนพลจอมเทพผู้พิทักษ์ด้นประตูสวรรค์ลงสู่แดนมนุษย์เหนือบรรยากาศโลก เทพยาดาที่สัญจรอยู่เหนือโลกมนุษย์จะบัญชาการส่งหมู่ดาว ''อ่านชิง'' ลงเก็บกวาดคนชั่วร้ายทั้งหมด จะเกิดทุพภิขภัยข้าวยากหมากแพง
องค์พระศรีอาริยเมตไตรยจะปรากฏ..
สองขุนพลจอมทัพผู้พิทักษ์ด่านประตูสวรรค์ลงสู่แดนมนุษย์นับจากปีจอ .. เริ่มต้นด้วยโรคระบาด .. จนถึงปีกุนประชาราษฏร์ ในเก้าคนรอดตายเพียงหนึ่ง ! จะเกิดมหันตภัยใหญ่ ครอบคลุมไปทั่ว อันได้แก่
๑.ภัยจากแรงลมมหาศาล
๒.ภัยจากไฟโหมลุกไหม้
๓.ภัยจากน้ำท่วมใหญ่
๔.ภัยจากการทำศึกสงคราม
๕.ภัยจากโรคร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อน
๖.ภัยจากสัตว์ร้ายมีพิษขบกัด
๗.ภัยจากกระแสไฟฟ้า ฟ้าผ่า
๘.ภัยจากอาหารขาดแคลน อดอยาก
๙.ภัยจากการคลอดบุตร ทารกร่างกายผิดปกติ
๑๐.ภัยจากการสูญสิ้นของมวลมนุษยชาติ
องค์สมเด็จพระศากยมุนีพระพุทธเจ้า ทรงครองธรรมกาล ๓๐๐๐ ปี.. ลุถึงปัจจุบันครบบริบูณ์ พระศรีอาริยเมตไตรยทรงสืบทอดครองธรรมกาลต่อ
เริ่มเข้าเกณฑ์ ปีวอก .. จนถึงปีชวด พืชพันธุ์ธัญญาหารจะไม่สมบูรณ์ ผู้คนจะอดอยากตาย มีภัยสงครามยากจะหลีกหนี
หากมีคนนำคัมภีร์นี้ออกไปเผยแพร่ถึงพัน .. ถึงหมื่น .. จะรอดพ้นจากภัยพิบัติเข้าถึงยุคบรรพกษัตริย์ เหยาและชุ่นอันเป็นยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งโรจน์ สังคมมีความยุติธรรม ผู้คนได้ประสบสุขเกษมสันต์อยู่ร่วมกันในโลก ดอกบัวแห่งมหาสันติเบ่งบาน
คนพาลสันดานหยาบ แม้ล่วงรู้คัมภีร์กลับลบหลู่ปกปิดมุ่งทำลาย ย่อมประสบกับเภทภัยทั้งสิบประการ ตายแล้วก็ยากจะได้กลับมาเกิดอีก
สาธุชนคนดี .. ประกอบด้วยเมตตาจิตตั้งใจเผยแพร่คัมภีร์ออกไป เขาเหล่านั้นย่อมประสบแต่ความเป็นสิริมงคล ทุกคนในครอบครัวจะร่มเย็นเป็นสุข สามารถรอดพ้นจากมหันตภัยทั้งหลายได
พระโพธิ์สัตว์อวโลกิเตศวรได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบนสูงสุด เพื่อกราบบังคมทูลรายงานถึงความดี ความชั่ว ที่มนุษย์ได้กระทำ ครั้งองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบข่าวสภาพความเลวร้ายบนโลกมนุษย์ ก็ทรงพิโรธยิ่งนัก และตรัสบริภาษต่อว่าเหล่าเทพยดาทั้งหลายว่า
''เสียแรงเปล่าที่ชาวโลกพากันจุดธูปเทียนบูชา กราบไหว้ แต่กลับไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น มาจนบัดนี้.. ในโลกมนุษย์จึงเนืองแน่นไปด้วยคนใจบาปหยาบช้า คนไม่มีมโนธรรมสำนึกหลงเหลืออยู่เลย ดังนั้นจึงต้องมีราชโองการโทษทัณฑ์ ให้เกิดภัยพิบัติต่อเนื่องกันมาหลายปี เพื่อกำหลาบคนชั่วช้าสามานย์ และให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจิตชาวโลกเสียใหม่ !”
ในเวลานั้น .. บรรดาเหล่าทวยเทพทั้งหลายได้กราบทูลวิงวอนแม้องค์พระโพธิ์สัตว์กวนอม แห่งทะเลทักษิณ ถึงกับพระวรกายทรุดหมอบลงกับพื้นพระบรมวิมาน ทรงพร่ำทูลขอให้โปรดกรุณาชาวโลกซ้ำเป็นหลายครั้งว่า ''ผู้ชั่วรายสมควรดับ ... ผู้ดีงามควรคัดออก ๆ ๆ''
องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชาชี้ขาดว่า ''ดีชั่ว สองฝ่ายแยกกัน! ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด ! ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น !"
และให้จอมเทพพิทักษ์ธรรมจงรับราชโองการกวาดล้างมนุษย์ที่กระทำความชั่วร้าย ดังต่อไปนี้
๑.พวกที่กล่าโทษ ด่าว่าฟ้าดิน
๒.พวกที่ดำเนินชีวิตปฏิบัติตนผิดหลักฟ้า ฝืนหลักธรรม
๓.พวกที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่
๔.พวกที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฆ่าเป็นอาชีพ ฆ่าเป็นกีฬา
๕.พวกที่ลักขโมย ปล้นชิง หยิบฉวยทรัพย์สมบัติของผู้อื่น
๖.พวกที่โกหกมดเท็จ พูดจาหลอกหลวงให้คนหลงเชื่อ
๗.พวกที่ประพฤติผิดในกาม มักมากในตัณหาราคะ
๘.พวกที่ชอบดื่มสุรา ยาเมา สูบบุหรี่ หลงใหลในสิ่งเสพติด ของมอมเมาสติทุกประเภท
๙.พวกที่ไม่ยึดถือศีลธรรม จิตใจขาดหิริโอตตัปปะปะ ไม่สำนึก ละอายใจในการทั่วชั่ว ไม่เกรงกลัวบาปกรรม
๑๐.พวกที่ทำลายพระศาสนา บิดเบียนหลักธรรม หลอกลวงเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
๑๑.พวกที่เหยียบย่ำทำลายพระคัมภีร์ หลักธรรมะ อักษรหนังสือ
๑๒.พวกที่ใจเหี้ยมโหด เช่นฆ่าเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ของตน
๑๓.พวกที่ทำลายผู้อื่น เพื่อมุ่งผลกำไรและความสุขส่วนตน
๑๔.พวกที่ค้าขายใช้เล่ห์เหลี่ยม ขูดรีด คดโกงตาชั่ง
๑๕.พวกที่ค้าขายสินค้าปลอม ยาปลอม หลอกหลวงชาวบ้าน
๑๖.พวกที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ค้าขายเอาเปรียบคนอื่น
๑๗.พวกที่หาประโยชน์จากการผู้อื่นด้วยการหลอกลวงต้มตุ๋น
๑๘.พวกที่พูดจาหยาบคาย ทุบตีด่าว่าบุพการี ปู่ ย่า ตา ยาย
๑๙.พวกที่ชอบพูดจาให้รายป้ายสีผู้อื่น
๒๐.พวกที่อารมณ์ร้าย โมโหโกรธา ด่าว่าคนอื่นไปทั่ว
๒๑.พวกที่ชอบว่ากล่าว ชอบตำหนิโทษผู้อื่นด้วยใจอคติไม่เที่ยงธรรมะ
๒๒.พวกผู้ชายที่ไม่จริงใจต่อภรรยา พวกผู้หญิงที่ไม่เคารพซื้อสัตย์ต่อสามี
๒๓.พวกที่ชอบยุแหย่ ทำลายชีวิตครอบครัวผู้อื่นให้แตกแยกล่มสลาย
๒๔.พวกพี่น้องที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน คอยแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นฟ้องร้องแย่งชิงทรัพย์สมบัติมรดำ
๒๕.พวกที่วงศ์ตระกูลเดียวกัน แต่กลับทะเลาะเบาะแว้งไม่สามัคคีกลมเกลียว
๒๖.พวกที่ชอบยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่น ฟ้องร้องคดีความ
๒๗.พวกที่ไม่มีความจริงใจ เป็นคนลวงโลก สวมหน้ากากเข้าหากัน
๒๘.พวกหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกแต่งกายให้ดูดี แต่ภายในสกปรกโสมม
๒๙.พวกที่อาศัยอำนาจหน้าที่ ใช้อิทธิพลในทางที่ผิด
๓๐.พวกที่กดขี่ราษฏร ยักยอกฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกินบ้านเมือง
๓๑.พวกที่ชักศึกเข้าบ้าน ล้างผลาญประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์ของตน
๓๒.พวกผู้ปกครองที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี กลับใช้อุบายวางแผนแก่งแย่งชิงกันเป็นใหญ่
๓๓..พวกที่ชอบประจบสอพลอ พะเน้าพะนอย่องเชิดชูรับใช้คนเลว
๓๔.พวกีที่คอยมุ่งร้าย รังแกคนทำงานที่ซื้อสัตย์สุจริต
๓๕.พวกคนพาลสันดานหยาบ ที่คอยก่อกวนให้ผู้คนเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข
๓๖.พวกคนร่ำรวย แต่ใจร้ายข่มเหงคนยากไร้
๓๗.พวกที่ชอบยกย่องคนรวย เหยียบย่ำคนจน
๓๘.พวกที่เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ไม่อยากช่วยเหลือ
๓๙.พวกที่พบเห็นคนอยู่ในฐานะลำบาก ได้รับความทุกข์แต่กลับเมินเฉยแล้งน้ำใจ
๔๐.พวกที่เห็นผู้อื่นร่ำรวย ก็เกิดความอิจฉาริษยา
๔๑.พวกที่เห็นผู้อื่นในฐานะสูงส่งด้วยชื่อเสียงเกียนติยศก็เกิดความโกรธแค้นชิงชัง
๔๒.พวกที่มีจิตใจอาฆาตมาดราย ใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำสาปแช่งผู้อื่น
๔๓.พวกที่ร่ำเรียนคาถาอาคมทำร้ายผู้อื่น ทำเสน่ห์ยาแฝดฝังรูปฝังรอย
๔๔.พวกที่ชอบฝึกวิชามาร ทำพิธีใช้ภูตผีกลั่นแกล้งทำลายล้างผู้อื่น
๔๕.พวกที่ชอบเผาป่า ทำลายสุสาน บุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
๔๖.พวกที่กินทิ้งกินขว้าง ไม่รู้จักพระคุณข้าว น้ำ อาหาร
๔๗.พวกที่ทุบตีเด็กเล็กไร้เดียงสาด้วยโทสะ ข่มเหง รังแก เด็กๆผู้ที่ไม่สามารถจะช่วยตนเองได้
๔๘.พวกที่อกตัญญู ไม่รู้คุณคน
๔๙.พวกที่ประพฤติตน คิดแบบอย่างชี้นำสอนให้เด็กอนุชนรุ่นหลังกระทำตามจนต้องกลายเป็นคนเลว ชีวิตไร้แก่นสาร
๕๐.พวกที่ถือตัวว่าอาวุโส สูงอายุ ใครว่ากล่าวไม่ได้ ทำผิดไม่ยอมรับ ตักเตือนไม่ยอมแก้ไข
๕๑.พวกอนุชนรุ่นหลัง ไม่จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ยึดถือหลักคุณสัมพันธ์
๕๒.พวกที่ไม่พิจารณาสำรวจดูกรรมดีกรรมชั่วของตนเอง
๕๓.พวกที่เคยตักเตือนให้ทำความดี กลับทุ่มเถียงดื้อด้านไม่ยอมฟัง
๕๔.พวกที่คอยเสาะแสวงหาแต่ชองทางกระทำชั่วอยู่ไม่ว่างเว้น
''นี่คือ ๕๔ ข้อกรรมชั่วที่ผู้ใดประพฤติ ผู้นั่นจะต้องถูตรวจตราควบคุมเก็บกวาดให้เรียบร้อย ไม่ให้เหลือไว้ในโลก! เมื่อตายลงไปก็ต้องถูกเหวี่ยงเข้าสู่หนทางเปรต สัตว์นรก อสุรกาย ยามยังมีชีวิตอยู่ให้พวกเขาเหล่านั้นมีอันเป็นไป สูญพันธุ์ทั้งตระกูล ให้บ้านแตกสาแหรกขาด ให้นองเลือดท่วมแผ่นดิน ให้กระดูกทับถมในพงพี บ้านเรือนของพวกเขาให้ถูกผู้อื่นอยู่อาศัย ที่นาของพวกเขาให้ไร้คนจะเพาะปลูกทำกินได้! หากมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตน ให้ละเว้นความชั่ว สร้างสมคุณความดี ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็จะหาย อายุจะยั่งยืน”
ครั้นครบกำหนดเวลา ๓ ปี ที่ให้มนุษย์รีบเร่งปฏิบัติแต่ความดีงาม เมื่อกระแสความคิดจิตใจและการกระทำของเหล่าเวไนยสัตว์ ถูกนำขึ้นกราบทูลรายงานเบื้องบน ทันทีที่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบ พระองค์ทรงมีพระราชโองการดังนี้
“ข้าฯ... จะลงมาตระเวนตรวจตราดูทุกแห่งอย่างละเอียดถี่ถ้วน ข้าฯจะดำเนินการพิพากษาตัดสิน ให้เกิดภัยสงครามอีกระลอกหนึ่ง ภายในเวลาไม่กี่เดือนให้เกิดโรคระบาดขึ้นอีกบางส่วน ทุกหนทุกแห่งจะถูกเก็บกวาดให้หมดสิ้น! ต่อหิ้วิงวอนถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์... สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มิตอบสนอง ต่อให้กินยารักษาโรคยาก็ไม่ได้ผล ถึงแม้ตำราเสินหนงยังอยู่ ยาวิเศษแค่ไหน ดีชั่วมีผลต่างกัน... คนดีมีคุณธรรม กินยารักษาโรค ก็จะสัมฤทธิ์ผล คนชั่วช้าสามานย์กินยาแล้วก็ไม่รอด
บัดนี้...ข้าเห็นสภาพการณ์ว่า น่าเวทนา...ไม่มีวิธีการใดสามารถช่วยเวไนยสัตว์ได้ทัน ต่อให้จุดธูปบูชาข้าฯ ก็เสียแรงเปล่า ที่เห็นข้าเป็นเทพยดาน่ากราบไหว้สักการะแต่ปัจจุบันมีทุกข์ไม่ยอมช่วย ใช่ว่าข้าฯ จะบิดเบือนต่อเบื้องบน ต่อเบื้องบนข้าฯ ก็ได้กราบบังคมทูลวิงวอนด้วยความเร่งรีบร้อนรนยิ่ง และต่อชาวโลกเบื้องล่าง...ข้าฯก็ให้ป่าวประกาศเผยแพร่สัจธรรม ชี้นำย้ำเตือนให้ผู้คนได้รับรู้
บัดนี้...ถึงวาระเข้าสู่ปลายกัปป์...เกณฑ์หันตาภัยยุคสุดท้ายปุถุชนธรรมดา ให้เก้าคนตายเหลือไว้เพียงหนึ่ง ให้เกิดสงครามอาวุธหอกดาบมีขึ้นรอบด้าน โรคระบาดจู่โจมบุกรุกทุกแห่งหน อสุนีบาดสายฟ้าฟาดผ่าดังสนั่นสะเทือนเลื่อนลั่น อุทกภัยใหญ่น้ำไหลหลากท่วมท้นบ้านเรือน วาตะภัยลมพายุผกผันกวาดไปทุกหนแห่ง ธรรมชาติแห้งแล้ง ชีวิตทั้งหลายยากจะอยู่รอด พญามารมาเคาะประตูบ้านในยามค่ำคืน โรคระบาดเข้าประชิดตัวในเวลากลางวัน เสือร้ายจากป่าเขาออกอาละวาด จะหลบหนีกันอย่างไร อสรพิษเลื้อยเต็มถนนหนทางจนยากจะเดิน!
มหันตภัยทั้งสิบนี้ยากจะหลีกหนีพ้น! หากสามารถผ่านพ้นไปได้จึงจะนับว่าเป็นยอดคน นี่แหละคือสิบมหันตภัยอันใหญ่หลวง ข้าฯมีเพียงคำเตือนให้มนุษย์ทั้งหลายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจิตใจ ยังพอมีโอกาส จงรีบแก้ไขสำนึกในความผิดบาป เมื่อได้ยินได้รู้ข่าวนี้ให้เร่งกลับตัวกลับใจโดยทันที! อย่ามัวรีรอจนกระทั่งภัยพิบัติมาประชิดตัว ถึงตอนนั้นจะวิงงอนร่ำร้องไห้ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผล จงสร้างบุญทำกุศลสะสมคุณความดีกันเสียแต่เนินๆ เพื่อหลบหลีกและเป็นเกราะกำบังวิบัติภัย
เหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายเอย... จงรีบเร่งตั้งจิตศรัทธาเคารพกตัญญูต่อฟ้าดิน บิดามารดา จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ประชาราษฎร คนยากคนจนให้รู้จักเจียมตน ตั้งมั่นอยู่ในความมัธยัสถ์ ผู้มากมีมั่งคั่ง จงรีบเร่งช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ยากไร้ ผู้ปราดเปรื่องเรืองปัญญา จงพยายามตักเตือนช่วยชี้แนะผู้ต่ำต้อยด้อยความรู้ ให้ได้ผ่านพ้นโลกโลกีย์ไปด้วยกัน บุคคลใดไร้บุญบารมีจะตกจมลงสู่ทะเลทุกข์ แต่ผู้มีสัมพันธ์สะสมมาดีย่อมจะได้พบกับความสงบสุข และสันติในที่สุด
''บัดนี้ข้าฯ แฝงธรรมญาณ ยืมปากกกาท่านไหว้วานบรรดาผู้รู้จักตัวอักษรหนังสือ คัดเขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ
แม้หนึ่งเล่มจะช่วยปกป้องรักษาให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง
ถ่ายทอดให้ข้าฯ แม้สิบเล่ม ทั้งครอบครัวจะพ้นเคราะห์ภัยอันตราย
เผยแพร่ออกไปให้ข้าฯ ร้อยเล่ม จะปกปักษ์รักษาให้อายุยั่งยืน
อีกทั้งโชคลาภ วาสนาเพิ่มพูนทวี รีบแจกจ่ายธรรมทานคัมภีร์นี้โดยทันทีทันใด จะปกป้องรักษาให้เกียนติศักดิ์รุ่งโรจน์มีย้ายบรรดาศักดิ์
หากผู้ใดไม่รู้หนังสือ จงใช้วาจาเมตตาบอกต่อให้เขาได้ฟังได้เข้าใจ ถ้าแม้นมีคนโฉดเขลาชั่วร้าย ไม่ศรัทธาเคราะห์ภัยจะมาถึงตัว จะประสบวิบัติให้ปวดเศียรเวียนหัว หน้ามืด ตาลาย เจ็ดทวารเลือดไหล ถึงที่ต้องไปเมืองผีด้วยสิบเหตุเภทภัยร้ายนั้น
ข้าฯไม่อาจกล่าวให้ละเอียดมากความไปกว่านี้คิดอยากจะเผยความลับสวรรค์ ก็เกรงด้วยเบื้องบนจะลงทัณฑ์
หากคนทั้งหลายไม่เชื่อไม่ศรัทธา ดูหมิ่นดูแคลนว่าไม่จริงไม่นานมหันตภัยที่กล่าวไว้จักมาถึงตัว
ผู้มีใจศรัทธา น้อมจิตเชื่อฟังตั่งมั่นอยู่ในคุณธรรมความดีถือศีลกินเจ เบื้องบนย่อมทรงโปรดเมตตา ปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาด มิให้เภทภัยใดๆเข้าใกล้ถึงตัวได้เลย''
''ฟ้าเบื้องบนจะทรงบัญชาให้เทพยดาผู้คุมเกณฑ์กำหนดตารางสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อสำรวจดูคัมภีร์กัปป์สุดท้ายนี้หากพบว่ามีเหล่าสาธุชนเผยแพร่ออกไป ด้วยความเคารพศรัทธาพวกเขาทั้งหลายย่อมสามารถรอดพ้นจากเกณฑ์วาระแห่งมหันตภัยได้และทุกชีวิตในครอบครัวจะไร้ทุกข์โศก''
ผู้ที่ละเว้นกรรมชั่ว ถือศีลกินเจ ประกอบแต่คุณงามความดีจะไม่ต้องเศร้าสลดวิตกกังวลที่จะได้ประสบพบเจอกับภัยพิบัติทั้ง ๑๐ ประการ อันได้แก่
๑.ถูกเพลิงไหม้เผาผลาญ ถูกน้ำไหลปาท่วมทัน
๒.ถูกเมฆหมอก ควันพิษ ทำลายล้าง
๓.มึนซึม หลับใหลหมดสติตาย
๔.ถูกสัตว์ร้าย งูพิษ ขบกัด
๕.ถูกประหัตประหาร เข่นฆ่าตายด้วยภัยสงคราม
๖.สามีภรรยาต้องพลัดพรากหย่าร้าง
๗.ต้องเร่ร่อน อพยพหลบหนี ไม่มีที่อยู่อาศัย
๘.ต้องเผชิญกับอากาศที่ผันแปร ทั้งหนาวเหน็บ ทั้งร้อนและแห้งแล้ง
๙.ต้องเศร้าโศก ต่อภาพของซากศพที่กองเกลือนกลาดทั่วแผ่นดิน
๑๐.ไม่ได้พบเห็นความสงบสุขและสันติ
หากมนุษย์ในโลก จิตใจชั่วร้าย ต่ำทราม ลบหลู่หลักธรรมคัมภีร์ สิ้นศรัทธาในคุณความดี ถึงเกณฑ์ปีวอก ปีระกา ปีจอ และปีกุน เมื่อใด .. เมื่อนั้นมีข้าวก็ไร้คนกิน ... มีเสื้อก็ไร้คนใส่ .. มีถนนก็ไร้คนเดิน .. มีบ้านก็ไร้คนอยู่ .. มีนาก็ไร้คนทำ จบจนถึงวาระเดือนห้าเดือนหก สัตว์ร้ายงูพิษจะออกเพ่นพ่านไปทั่วเข้าเดือนแปดเดือนเก้า เหล่าคนชั่วร้ายจะตายสิ้น จนซากศพ เกลื่อนกลาดเต็มพื้น!
บนท้องถนนล้มตายนับไม่ถ้วน.. มหันตภัยมาถึง หนึ่งหมื่นคนตายเก้าพัน ! พืชพันธุ์ธัญญาหารเก็บเกี่ยวได้ผลน้อยเกิดลมพายุฝนฟ้าคะนอง เหล่าพญานาคดุร้ายเกะกะระรานไปทั่ว
ถึงกาลเวไนยสัตว์มีภัย องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ผู้เป็นใหญ่จึงมีพระบัญชาส่งสองขุนพลจอมเทพผู้พิทักษ์ด้นประตูสวรรค์ลงสู่แดนมนุษย์เหนือบรรยากาศโลก เทพยาดาที่สัญจรอยู่เหนือโลกมนุษย์จะบัญชาการส่งหมู่ดาว ''อ่านชิง'' ลงเก็บกวาดคนชั่วร้ายทั้งหมด จะเกิดทุพภิขภัยข้าวยากหมากแพง
องค์พระศรีอาริยเมตไตรยจะปรากฏ..
สองขุนพลจอมทัพผู้พิทักษ์ด่านประตูสวรรค์ลงสู่แดนมนุษย์นับจากปีจอ .. เริ่มต้นด้วยโรคระบาด .. จนถึงปีกุนประชาราษฏร์ ในเก้าคนรอดตายเพียงหนึ่ง ! จะเกิดมหันตภัยใหญ่ ครอบคลุมไปทั่ว อันได้แก่
๑.ภัยจากแรงลมมหาศาล
๒.ภัยจากไฟโหมลุกไหม้
๓.ภัยจากน้ำท่วมใหญ่
๔.ภัยจากการทำศึกสงคราม
๕.ภัยจากโรคร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อน
๖.ภัยจากสัตว์ร้ายมีพิษขบกัด
๗.ภัยจากกระแสไฟฟ้า ฟ้าผ่า
๘.ภัยจากอาหารขาดแคลน อดอยาก
๙.ภัยจากการคลอดบุตร ทารกร่างกายผิดปกติ
๑๐.ภัยจากการสูญสิ้นของมวลมนุษยชาติ
องค์สมเด็จพระศากยมุนีพระพุทธเจ้า ทรงครองธรรมกาล ๓๐๐๐ ปี.. ลุถึงปัจจุบันครบบริบูณ์ พระศรีอาริยเมตไตรยทรงสืบทอดครองธรรมกาลต่อ
เริ่มเข้าเกณฑ์ ปีวอก .. จนถึงปีชวด พืชพันธุ์ธัญญาหารจะไม่สมบูรณ์ ผู้คนจะอดอยากตาย มีภัยสงครามยากจะหลีกหนี
หากมีคนนำคัมภีร์นี้ออกไปเผยแพร่ถึงพัน .. ถึงหมื่น .. จะรอดพ้นจากภัยพิบัติเข้าถึงยุคบรรพกษัตริย์ เหยาและชุ่นอันเป็นยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งโรจน์ สังคมมีความยุติธรรม ผู้คนได้ประสบสุขเกษมสันต์อยู่ร่วมกันในโลก ดอกบัวแห่งมหาสันติเบ่งบาน
คนพาลสันดานหยาบ แม้ล่วงรู้คัมภีร์กลับลบหลู่ปกปิดมุ่งทำลาย ย่อมประสบกับเภทภัยทั้งสิบประการ ตายแล้วก็ยากจะได้กลับมาเกิดอีก
สาธุชนคนดี .. ประกอบด้วยเมตตาจิตตั้งใจเผยแพร่คัมภีร์ออกไป เขาเหล่านั้นย่อมประสบแต่ความเป็นสิริมงคล ทุกคนในครอบครัวจะร่มเย็นเป็นสุข สามารถรอดพ้นจากมหันตภัยทั้งหลายได
พระโพธิ์สัตว์อวโลกิเตศวรได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบนสูงสุด เพื่อกราบบังคมทูลรายงานถึงความดี ความชั่ว ที่มนุษย์ได้กระทำ ครั้งองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบข่าวสภาพความเลวร้ายบนโลกมนุษย์ ก็ทรงพิโรธยิ่งนัก และตรัสบริภาษต่อว่าเหล่าเทพยดาทั้งหลายว่า
''เสียแรงเปล่าที่ชาวโลกพากันจุดธูปเทียนบูชา กราบไหว้ แต่กลับไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น มาจนบัดนี้.. ในโลกมนุษย์จึงเนืองแน่นไปด้วยคนใจบาปหยาบช้า คนไม่มีมโนธรรมสำนึกหลงเหลืออยู่เลย ดังนั้นจึงต้องมีราชโองการโทษทัณฑ์ ให้เกิดภัยพิบัติต่อเนื่องกันมาหลายปี เพื่อกำหลาบคนชั่วช้าสามานย์ และให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจิตชาวโลกเสียใหม่ !”
ในเวลานั้น .. บรรดาเหล่าทวยเทพทั้งหลายได้กราบทูลวิงวอนแม้องค์พระโพธิ์สัตว์กวนอม แห่งทะเลทักษิณ ถึงกับพระวรกายทรุดหมอบลงกับพื้นพระบรมวิมาน ทรงพร่ำทูลขอให้โปรดกรุณาชาวโลกซ้ำเป็นหลายครั้งว่า ''ผู้ชั่วรายสมควรดับ ... ผู้ดีงามควรคัดออก ๆ ๆ''
องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชาชี้ขาดว่า ''ดีชั่ว สองฝ่ายแยกกัน! ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด ! ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น !"
และให้จอมเทพพิทักษ์ธรรมจงรับราชโองการกวาดล้างมนุษย์ที่กระทำความชั่วร้าย ดังต่อไปนี้
๑.พวกที่กล่าโทษ ด่าว่าฟ้าดิน
๒.พวกที่ดำเนินชีวิตปฏิบัติตนผิดหลักฟ้า ฝืนหลักธรรม
๓.พวกที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่
๔.พวกที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฆ่าเป็นอาชีพ ฆ่าเป็นกีฬา
๕.พวกที่ลักขโมย ปล้นชิง หยิบฉวยทรัพย์สมบัติของผู้อื่น
๖.พวกที่โกหกมดเท็จ พูดจาหลอกหลวงให้คนหลงเชื่อ
๗.พวกที่ประพฤติผิดในกาม มักมากในตัณหาราคะ
๘.พวกที่ชอบดื่มสุรา ยาเมา สูบบุหรี่ หลงใหลในสิ่งเสพติด ของมอมเมาสติทุกประเภท
๙.พวกที่ไม่ยึดถือศีลธรรม จิตใจขาดหิริโอตตัปปะปะ ไม่สำนึก ละอายใจในการทั่วชั่ว ไม่เกรงกลัวบาปกรรม
๑๐.พวกที่ทำลายพระศาสนา บิดเบียนหลักธรรม หลอกลวงเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
๑๑.พวกที่เหยียบย่ำทำลายพระคัมภีร์ หลักธรรมะ อักษรหนังสือ
๑๒.พวกที่ใจเหี้ยมโหด เช่นฆ่าเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ของตน
๑๓.พวกที่ทำลายผู้อื่น เพื่อมุ่งผลกำไรและความสุขส่วนตน
๑๔.พวกที่ค้าขายใช้เล่ห์เหลี่ยม ขูดรีด คดโกงตาชั่ง
๑๕.พวกที่ค้าขายสินค้าปลอม ยาปลอม หลอกหลวงชาวบ้าน
๑๖.พวกที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ค้าขายเอาเปรียบคนอื่น
๑๗.พวกที่หาประโยชน์จากการผู้อื่นด้วยการหลอกลวงต้มตุ๋น
๑๘.พวกที่พูดจาหยาบคาย ทุบตีด่าว่าบุพการี ปู่ ย่า ตา ยาย
๑๙.พวกที่ชอบพูดจาให้รายป้ายสีผู้อื่น
๒๐.พวกที่อารมณ์ร้าย โมโหโกรธา ด่าว่าคนอื่นไปทั่ว
๒๑.พวกที่ชอบว่ากล่าว ชอบตำหนิโทษผู้อื่นด้วยใจอคติไม่เที่ยงธรรมะ
๒๒.พวกผู้ชายที่ไม่จริงใจต่อภรรยา พวกผู้หญิงที่ไม่เคารพซื้อสัตย์ต่อสามี
๒๓.พวกที่ชอบยุแหย่ ทำลายชีวิตครอบครัวผู้อื่นให้แตกแยกล่มสลาย
๒๔.พวกพี่น้องที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน คอยแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นฟ้องร้องแย่งชิงทรัพย์สมบัติมรดำ
๒๕.พวกที่วงศ์ตระกูลเดียวกัน แต่กลับทะเลาะเบาะแว้งไม่สามัคคีกลมเกลียว
๒๖.พวกที่ชอบยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่น ฟ้องร้องคดีความ
๒๗.พวกที่ไม่มีความจริงใจ เป็นคนลวงโลก สวมหน้ากากเข้าหากัน
๒๘.พวกหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกแต่งกายให้ดูดี แต่ภายในสกปรกโสมม
๒๙.พวกที่อาศัยอำนาจหน้าที่ ใช้อิทธิพลในทางที่ผิด
๓๐.พวกที่กดขี่ราษฏร ยักยอกฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกินบ้านเมือง
๓๑.พวกที่ชักศึกเข้าบ้าน ล้างผลาญประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์ของตน
๓๒.พวกผู้ปกครองที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี กลับใช้อุบายวางแผนแก่งแย่งชิงกันเป็นใหญ่
๓๓..พวกที่ชอบประจบสอพลอ พะเน้าพะนอย่องเชิดชูรับใช้คนเลว
๓๔.พวกีที่คอยมุ่งร้าย รังแกคนทำงานที่ซื้อสัตย์สุจริต
๓๕.พวกคนพาลสันดานหยาบ ที่คอยก่อกวนให้ผู้คนเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข
๓๖.พวกคนร่ำรวย แต่ใจร้ายข่มเหงคนยากไร้
๓๗.พวกที่ชอบยกย่องคนรวย เหยียบย่ำคนจน
๓๘.พวกที่เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ไม่อยากช่วยเหลือ
๓๙.พวกที่พบเห็นคนอยู่ในฐานะลำบาก ได้รับความทุกข์แต่กลับเมินเฉยแล้งน้ำใจ
๔๐.พวกที่เห็นผู้อื่นร่ำรวย ก็เกิดความอิจฉาริษยา
๔๑.พวกที่เห็นผู้อื่นในฐานะสูงส่งด้วยชื่อเสียงเกียนติยศก็เกิดความโกรธแค้นชิงชัง
๔๒.พวกที่มีจิตใจอาฆาตมาดราย ใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำสาปแช่งผู้อื่น
๔๓.พวกที่ร่ำเรียนคาถาอาคมทำร้ายผู้อื่น ทำเสน่ห์ยาแฝดฝังรูปฝังรอย
๔๔.พวกที่ชอบฝึกวิชามาร ทำพิธีใช้ภูตผีกลั่นแกล้งทำลายล้างผู้อื่น
๔๕.พวกที่ชอบเผาป่า ทำลายสุสาน บุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
๔๖.พวกที่กินทิ้งกินขว้าง ไม่รู้จักพระคุณข้าว น้ำ อาหาร
๔๗.พวกที่ทุบตีเด็กเล็กไร้เดียงสาด้วยโทสะ ข่มเหง รังแก เด็กๆผู้ที่ไม่สามารถจะช่วยตนเองได้
๔๘.พวกที่อกตัญญู ไม่รู้คุณคน
๔๙.พวกที่ประพฤติตน คิดแบบอย่างชี้นำสอนให้เด็กอนุชนรุ่นหลังกระทำตามจนต้องกลายเป็นคนเลว ชีวิตไร้แก่นสาร
๕๐.พวกที่ถือตัวว่าอาวุโส สูงอายุ ใครว่ากล่าวไม่ได้ ทำผิดไม่ยอมรับ ตักเตือนไม่ยอมแก้ไข
๕๑.พวกอนุชนรุ่นหลัง ไม่จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ยึดถือหลักคุณสัมพันธ์
๕๒.พวกที่ไม่พิจารณาสำรวจดูกรรมดีกรรมชั่วของตนเอง
๕๓.พวกที่เคยตักเตือนให้ทำความดี กลับทุ่มเถียงดื้อด้านไม่ยอมฟัง
๕๔.พวกที่คอยเสาะแสวงหาแต่ชองทางกระทำชั่วอยู่ไม่ว่างเว้น
''นี่คือ ๕๔ ข้อกรรมชั่วที่ผู้ใดประพฤติ ผู้นั่นจะต้องถูตรวจตราควบคุมเก็บกวาดให้เรียบร้อย ไม่ให้เหลือไว้ในโลก! เมื่อตายลงไปก็ต้องถูกเหวี่ยงเข้าสู่หนทางเปรต สัตว์นรก อสุรกาย ยามยังมีชีวิตอยู่ให้พวกเขาเหล่านั้นมีอันเป็นไป สูญพันธุ์ทั้งตระกูล ให้บ้านแตกสาแหรกขาด ให้นองเลือดท่วมแผ่นดิน ให้กระดูกทับถมในพงพี บ้านเรือนของพวกเขาให้ถูกผู้อื่นอยู่อาศัย ที่นาของพวกเขาให้ไร้คนจะเพาะปลูกทำกินได้! หากมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตน ให้ละเว้นความชั่ว สร้างสมคุณความดี ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็จะหาย อายุจะยั่งยืน”
ครั้นครบกำหนดเวลา ๓ ปี ที่ให้มนุษย์รีบเร่งปฏิบัติแต่ความดีงาม เมื่อกระแสความคิดจิตใจและการกระทำของเหล่าเวไนยสัตว์ ถูกนำขึ้นกราบทูลรายงานเบื้องบน ทันทีที่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบ พระองค์ทรงมีพระราชโองการดังนี้
“ข้าฯ... จะลงมาตระเวนตรวจตราดูทุกแห่งอย่างละเอียดถี่ถ้วน ข้าฯจะดำเนินการพิพากษาตัดสิน ให้เกิดภัยสงครามอีกระลอกหนึ่ง ภายในเวลาไม่กี่เดือนให้เกิดโรคระบาดขึ้นอีกบางส่วน ทุกหนทุกแห่งจะถูกเก็บกวาดให้หมดสิ้น! ต่อหิ้วิงวอนถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์... สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มิตอบสนอง ต่อให้กินยารักษาโรคยาก็ไม่ได้ผล ถึงแม้ตำราเสินหนงยังอยู่ ยาวิเศษแค่ไหน ดีชั่วมีผลต่างกัน... คนดีมีคุณธรรม กินยารักษาโรค ก็จะสัมฤทธิ์ผล คนชั่วช้าสามานย์กินยาแล้วก็ไม่รอด
บัดนี้...ข้าเห็นสภาพการณ์ว่า น่าเวทนา...ไม่มีวิธีการใดสามารถช่วยเวไนยสัตว์ได้ทัน ต่อให้จุดธูปบูชาข้าฯ ก็เสียแรงเปล่า ที่เห็นข้าเป็นเทพยดาน่ากราบไหว้สักการะแต่ปัจจุบันมีทุกข์ไม่ยอมช่วย ใช่ว่าข้าฯ จะบิดเบือนต่อเบื้องบน ต่อเบื้องบนข้าฯ ก็ได้กราบบังคมทูลวิงวอนด้วยความเร่งรีบร้อนรนยิ่ง และต่อชาวโลกเบื้องล่าง...ข้าฯก็ให้ป่าวประกาศเผยแพร่สัจธรรม ชี้นำย้ำเตือนให้ผู้คนได้รับรู้
บัดนี้...ถึงวาระเข้าสู่ปลายกัปป์...เกณฑ์หันตาภัยยุคสุดท้ายปุถุชนธรรมดา ให้เก้าคนตายเหลือไว้เพียงหนึ่ง ให้เกิดสงครามอาวุธหอกดาบมีขึ้นรอบด้าน โรคระบาดจู่โจมบุกรุกทุกแห่งหน อสุนีบาดสายฟ้าฟาดผ่าดังสนั่นสะเทือนเลื่อนลั่น อุทกภัยใหญ่น้ำไหลหลากท่วมท้นบ้านเรือน วาตะภัยลมพายุผกผันกวาดไปทุกหนแห่ง ธรรมชาติแห้งแล้ง ชีวิตทั้งหลายยากจะอยู่รอด พญามารมาเคาะประตูบ้านในยามค่ำคืน โรคระบาดเข้าประชิดตัวในเวลากลางวัน เสือร้ายจากป่าเขาออกอาละวาด จะหลบหนีกันอย่างไร อสรพิษเลื้อยเต็มถนนหนทางจนยากจะเดิน!
มหันตภัยทั้งสิบนี้ยากจะหลีกหนีพ้น! หากสามารถผ่านพ้นไปได้จึงจะนับว่าเป็นยอดคน นี่แหละคือสิบมหันตภัยอันใหญ่หลวง ข้าฯมีเพียงคำเตือนให้มนุษย์ทั้งหลายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจิตใจ ยังพอมีโอกาส จงรีบแก้ไขสำนึกในความผิดบาป เมื่อได้ยินได้รู้ข่าวนี้ให้เร่งกลับตัวกลับใจโดยทันที! อย่ามัวรีรอจนกระทั่งภัยพิบัติมาประชิดตัว ถึงตอนนั้นจะวิงงอนร่ำร้องไห้ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผล จงสร้างบุญทำกุศลสะสมคุณความดีกันเสียแต่เนินๆ เพื่อหลบหลีกและเป็นเกราะกำบังวิบัติภัย
เหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายเอย... จงรีบเร่งตั้งจิตศรัทธาเคารพกตัญญูต่อฟ้าดิน บิดามารดา จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ประชาราษฎร คนยากคนจนให้รู้จักเจียมตน ตั้งมั่นอยู่ในความมัธยัสถ์ ผู้มากมีมั่งคั่ง จงรีบเร่งช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ยากไร้ ผู้ปราดเปรื่องเรืองปัญญา จงพยายามตักเตือนช่วยชี้แนะผู้ต่ำต้อยด้อยความรู้ ให้ได้ผ่านพ้นโลกโลกีย์ไปด้วยกัน บุคคลใดไร้บุญบารมีจะตกจมลงสู่ทะเลทุกข์ แต่ผู้มีสัมพันธ์สะสมมาดีย่อมจะได้พบกับความสงบสุข และสันติในที่สุด
''บัดนี้ข้าฯ แฝงธรรมญาณ ยืมปากกกาท่านไหว้วานบรรดาผู้รู้จักตัวอักษรหนังสือ คัดเขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ
แม้หนึ่งเล่มจะช่วยปกป้องรักษาให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง
ถ่ายทอดให้ข้าฯ แม้สิบเล่ม ทั้งครอบครัวจะพ้นเคราะห์ภัยอันตราย
เผยแพร่ออกไปให้ข้าฯ ร้อยเล่ม จะปกปักษ์รักษาให้อายุยั่งยืน
อีกทั้งโชคลาภ วาสนาเพิ่มพูนทวี รีบแจกจ่ายธรรมทานคัมภีร์นี้โดยทันทีทันใด จะปกป้องรักษาให้เกียนติศักดิ์รุ่งโรจน์มีย้ายบรรดาศักดิ์
หากผู้ใดไม่รู้หนังสือ จงใช้วาจาเมตตาบอกต่อให้เขาได้ฟังได้เข้าใจ ถ้าแม้นมีคนโฉดเขลาชั่วร้าย ไม่ศรัทธาเคราะห์ภัยจะมาถึงตัว จะประสบวิบัติให้ปวดเศียรเวียนหัว หน้ามืด ตาลาย เจ็ดทวารเลือดไหล ถึงที่ต้องไปเมืองผีด้วยสิบเหตุเภทภัยร้ายนั้น
ข้าฯไม่อาจกล่าวให้ละเอียดมากความไปกว่านี้คิดอยากจะเผยความลับสวรรค์ ก็เกรงด้วยเบื้องบนจะลงทัณฑ์
หากคนทั้งหลายไม่เชื่อไม่ศรัทธา ดูหมิ่นดูแคลนว่าไม่จริงไม่นานมหันตภัยที่กล่าวไว้จักมาถึงตัว
ผู้มีใจศรัทธา น้อมจิตเชื่อฟังตั่งมั่นอยู่ในคุณธรรมความดีถือศีลกินเจ เบื้องบนย่อมทรงโปรดเมตตา ปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาด มิให้เภทภัยใดๆเข้าใกล้ถึงตัวได้เลย''