หลังจากที่ได้บอกกล่าวเรื่องคุณแห่งพระพุทธรูปไปแล้วผมจึงคิดว่าน่าที่จะไปค้นหาโทษที่กระทำต่อพระพุทธรูปมาบอกมาเล่าให้ผู้อ่านทั้งหลายได้ประจักษ์กันว่าการกระทำในทางไม่ดีต่อพระพุทธรูปที่เปรียบเสมือนองค์แทนของพระพุทธเจ้านั้นจะมีโทษอย่างไร วันนี้ ( 3 ส.ค. 2551 ) เวลา 17.00 น.เลยตัดสินใจลงไปพบท่านพ่อยมบาลขอให้เปิดนรกขุมของผู้ที่กระทำการบาปหยาบช้าต่อพระพุทธรูป ให้ดู ท่านพ่อยมบาลถามว่า “จะดูไปทำไม”ผมตอบท่านไปว่า “ตอนนี้ที่ในโลกมนุษย์กำลังมีผู้ทำลายพระพุทธรูปและชักนำให้คนอื่นทำลายไปด้วย ผมเกรงว่าจะเกิดความสับสนต่อพุทธศาสนิกชนที่ประพฤติดีงามอยู่ ผมจำเป็นต้องลงมา” ท่านพ่อบอกว่าความจริงท่านไม่อยากจะเปิดแต่ด้วยเหตุผลที่ผมบอกท่านเกี่ยวกับพุทธศาสนิกชนที่ดียังมีอยู่และเพื่อศรัทธาที่จะไม่เสื่อมท่านจึงยอมเปิดและพาผมไปดูนรกขุมนั้น นรกขุมนั้นมีชื่อว่า“พุทธรูปัง หิงสิ” แปลว่า “ทำลายพระพุทธรูป” ก็เป็นขุมนรกของผู้ทำลายพระพุทธรูปนั่นเอง นรกขุมนี้นั้นอยู่ลึกและไกลออกไปจากห้องโถงที่ใช้ตัดสินโทษพวกสัตว์หรือหรือดวงจิตของผู้ที่ตายไปแล้วมาก ท่านพ่อยมบาลได้พาเดินเท้าไปที่นรกขุมนั้นตลอดสองข้างทางได้เห็นสัตว์นรกถูกทรมานในลักษณะต่างๆตามโทษของตน เสียงร้องโหยหวนของสัตว์นรกระงมไปทั่วพอเดินไปใกล้จะถึงท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า “นรกขุมนี้ไม่ค่อยได้เปิดเท่าไหร่ส่วนใหญ่แล้วนานๆจะมีสัตว์นรกมาเกิดที่นี่ทีเพราะไม่ค่อยมีผู่ทำลายเท่าไหร่ ที่มีอยู่ก็เป็นพวกสัตว์นรกเก่าๆที่ยังรับโทษอยู่ โดยเฉพาะสัตว์นรกรุ่นที่ทำลายเผาวัดและพระพุทธรูปในสมัยตอนปลายอยุธยายังอยู่อีกเยอะเลย ตั้งแต่นั้นก็นานๆมาทีล่าสุดก็พวกที่ทำลายพระพุทธรูปแกะสลักที่อัฟกานิสถานนั่นไงแต่ยังมาไม่หมดกำลังทยอยมา และคงจะได้รองรับพวกที่กำลังกระทำต่อพระพุทธรูปอยู่ในเวลานี้ไม่เว้นแม้ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือฆราวาสที่กล่าวอ้างตนว่าพ้นโลกแล้วก็ตาม เอาหล่ะถึงแล้วเราเข้าไปดูกันเถอะ” เมื่อประตูนรกขุมนั้นถูกเปิดออกก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังระงมมาก่อน"
ภาพแรกที่เห็นเป็นภาพของสัตว์นรกนั้นถูกจับแขนขาตรึงไว้กับพื้น จากนั้นก็มีท่อนซุงขนาดใหญ่ จากที่สูงตกลงมากระแทกทั้งตัวของสัตว์นรกนั้น ร่างกายของมันแตกกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง สักพักหนึ่งประมาณ 5-10 วินาที สัตว์นรกตัวนั้นก็ฟื้นขึ้นมาอยู่ในอาการหวาดกลัวและเจ็บปวดส่งเสียงหวีดร้องเพราะเห็นท่อนซุงใหญ่นั้นกำลังจะตกลงมากระแทกที่ร่างของตนอีก เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า>>
“ไอ้อีผู้ใดได้ทุบทำลายพระพุทธรูปหรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำ มันผู้นั้นก็จักถูกทุบทำลายให้แหลกละเอียดไปดุจเดียวกันนี้ตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 40,000 ปี นรก “เดินผ่านเข้าไปอีก>>
ภาพที่สองที่ได้เห็นเป็นภาพของสัตว์นรกนั้นถูกนายนิริยะบาลจับแขนทั้งสองข้างไว้และอีกคนจับศีรษะตรึงไว้ ตามลำตัวนั้นมีหอกทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ทุกส่วนของร่ายกาย แล้วนายนิริยะบาลอีกคนหนึ่งถือกระบองที่เต็มไปด้วยหนามเดินเข้ามาจับสัตว์นรกนั้นอ้าปากแล้วเอากระบองหนามนั้นกระแทกลงไปที่ปากของสัตว์นรกนั้นขณะที่กระบองอยู่ในปากของสัตว์นรกนั้นนายนิริยะบาลนั้นก็หมุนกระบองไปด้วยบดขยี้ปากของสัตว์นรกนั้นจนเหวอะหวะแหลกเหลวสุดที่สัตว์นรกนั้นจะทนทานได้ขาดใจตายด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส หลังจากตายแล้วประมาณ 5-10 วินาที สัตว์นรกนั้นก็ฟื้นขึ้นมาแล้วก็ถูกกระทำอย่างเดิมซ้ำอยู่อย่างนั้น ท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า“ไอ้อีผู้ใดด่าทอกล่าววาจาลบหลู่ในพระพุทธรูป แล้วยังชวนให้คนอื่นกระทำเยี่ยงตัวหรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำ เมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ตลอดเวลาอย่างน้อย 40,000 ปีนรก”เดินต่อไปข้างหน้า>>
ภาพที่สามได้เห็นภาพข้างหน้าเป็นกองไฟนรกขนาดใหญ่ซึ่งมีความร้อนมากกว่าไฟในโลกมนุษย์ถึง 10,000 เท่า ( แต่ไม่มีความร้อนเลยสำหรับคนดีที่มีจิตใจอันบริสุทธิ์ ) นายนิริยะบาล 4 ตน ได้อุ้มสัตว์นรกตัวหนึ่งมาโยนลงไปในกองไฟนั้น สัตว์นรกนั้นเมื่อตกลงไปในกองไฟก็ร้องโหยหวลดิ้นทุรนทุรายเพราะอำนาจจากความร้อนของไฟนรกนั้น และพยายามจะวิ่งออกจากกองไฟ แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปทางใดที่ตรงนั้นก็จะเกิดกองไฟขึ้นเผาผลาญสัตว์นรกนั้นจนไหม้เกรียมในที่สุดกลายเป็นผงธุลีไปในพริบตา ภาพที่เห็นจากสัตว์นรกที่มีเลือดเนื้อและถูกเผาจนเห็นกระดูกจนแห้งจนเป็นผงธุลีน่าสยดสยอง ท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า “ไอ้อีผู้ใดได้เผาทำลายพระพุทธรูป หรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำเมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ เป็นเวลา อย่างน้อยถึง 40,000 ปี นรก” แล้วเราก็เดินเข้าปอีก>>
ภาพที่เห็นเบื้องหน้า สัตว์นรกตัวหนึ่งกำลังถูกเอามีดกรีดที่ผิวหนังแล้วลอกออกทีละชิ้นทีละชิ้น จนกระทั่งหมดทั้งตัว เหลือแต่เนื้อกับกระดูก แต่ส่วนใหญ่ขาดใจตายก่อนที่ถูกลอกหนังจนหมดตัวด้วยความเจ็บปวด หลังจากสิ้นใจตายไปแล้ว อีกประมาณ 5-10 วินาที สัตว์นรกตัวนั้นก็จะฟื้นขึ้นมาถูกกระทำในลักษณะเดิมอีกย่างนี้ตลอดระยะเวลาที่ต้องโทษ ท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า “ไอ้อีผู้ใดได้ขูดลอกทองที่ผิวองค์พระพุทธรูปด้วยความละโมภในทองนั้นหรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำเมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ เป็นเวลา อย่างน้อยถึง 40,000 ปีนรก”แล้วเราก็เดินกันเข้าไปอีก>>
ภาพที่เห็นต่อมาก็คือ สัตว์นรกตัวหนึ่งถูกถูกจับนั่งแล้วผูกมือเท้าไว้กับหลักประหารโดยไม่มีผ้าผูกตาเหมือนในโลกมนุษย์ สัตว์นรกนั้นอยู่ในอาการหวาดกลัวตลอดเวลานายนิริยะบาลนายหนึ่งตัวใหญ่มากถือดาบที่คมมากดาบนั้นใหญ่และหนักมาก คนธรรมดาอย่างเราต้องช่วยกันอย่างน้อย 10 คน ก็อาจจะยังยกไม่ขึ้นก็ได้ ยืนอยู่ข้างหลังสัตว์นรกตัวนั้น แล้วฟันดาบนั้นลงมาที่คอสัตว์นรกนั้นอย่างแรงเสียงดังมาก แต่แปลกที่คอของสัตว์นั้นไม่ได้ขาดกระเด็นกลับห้อยต่องแต่งเพราะเนื้อหนังยังไม่ขาดจากกันทั้งหมด สัตว์นั้นคงเจ็บปวดทรมานมากจะร้องก็ไม่ได้แล้วเจ็บปวดอยู่อย่างนั้นจนขาดใจตายไป ผมสงสัยจึงได้ถามท่านพ่อยมบาลไปว่า “ท่านพ่อครับทำไมจึงไมตัดให้ขาดไปทีเดียวกลับตับให้เหลือติดห้อยต่องแต่งอย่างนั้น” ท่านตอบมาว่า”ลูกเอยไอ้สัตว์นรกพวกนี้มันต้องได้รับความเจ็บปวดให้มากๆจึงจะหราบจำ ที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อให้มันเจ็บปวดที่สุดจะได้เกรงกกลัวและไม่ทำชั่วอีก” แล้วท่านก็พูดต่อว่า “ไอ้อีผู้ใดที่มันชอบตัดเศียรพระตัดแขนพระตัดมือพระพุทธรูปเพื่อการค้าหรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำเมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ เป็นเวลา อย่างน้อยถึง 40,000 ปีนรก” แล้วเราก็เดินต่อเข้าไปอีก>>
ภาพที่เห็นเบื้องหน้านั้นสยดสยองกว่าที่เห็นมาแต่ต้นเป็นภาพที่สัตว์นรกนั้นดิ้นทุรนทุรายเพราะถูกน้ำกรดมีมีฤทธิ์กัดรุนแรงกว่าในโลกมนุษย์นี้เป็น 10,000 เท่า นายนิริยะบาลหลายนายช่วยกันตักน้ำกรดนั้นที่ละกระบวยราดลงไปที่สัตว์นรกนั้น ผิวหนังของสัตว์นรกนั้นเมื่อโดนน้ำกรดกัดก็เกิดเป็นแผลเหวอะหวะเลือดไหลนองไปทั่วร่างกาย กระบวยแล้วกระบวยเล่า ถูกน้ำกรดกัดจดถึงกระดูกน้ำกรดนั้นกัดจนกระดูกละลายในทันที สัตว์นั้นไม่อาจทนความเจ็บปวดได้ก็ขาดใจตายไป อีกประมาณ 5-10 วินาทีต่อมา สัตว์นั้นก็ฟ้นขึ้นมาแล้วก็ถูกกระทำอย่างเดิมซ้ำอยู่อย่างนั้น ท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า “ไอ้อีผู้ใดได้ใช้น้ำกรดราดพระพุทธรูปโดยมีเจตนาที่จะทำลายพระพุทธรูปนั้นให้พินาศลงหรือกระทำเพื่อลบหลู่หรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำเมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ เป็นเวลา อย่างน้อยถึง 40,000 ปีนรก”แล้วเราก็เดินต่อเข้าไปอีก>>
ภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็คือสัตว์นรกนั้นถูกจับมัดมือมัดเท้าให้นอนราบกับพื้นแล้วนายนิริยะบาลก็พาฝูงสัตว์นรกอื่นเป็นสัตว์ประเภทต่างๆที่เลี้ยงไว้ใช้ลงโทษ มีสุนัขเป็นต้น มาเหยียบย่ำสัตว์นั้นฝูงหนึ่งๆมีจำนวนเป็นร้อยบ้าง เป็นพันบ้าง ฝูงแล้วฝูงเล่า สัตว์แต่ละตัวนั้นใหญ่มากเล็กสุดประมาณเท่าควายบนโลกมนุษย์ เดนเหยียบไปบนร่างของสัตว์นรกนั้นทีละตัวที่ละตัวจนกว่าสัตว์นรกที่ถูกเหยียบนั้นจะตาย ทั้งกระอักเลือด ทั้งไส้แตกกระจายออกมา ทั้งกระดูกหักไปทั้งตัว ร้องโหยหวนจนขาดใจตาย จากนั้นอีกประมาณ 5-10 วินาทีสัตว์นรกนั้นก็ฟื้นขึ้นมาแล้วถูกกระทำอย่างเดิมนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดกรรม ท่านพ่อยมบาลพูดขึ้นว่า “ไอ้อีผู้ใดเหยียบย่ำทำลายพระพุทธรูปด้วยความลบหลู่ด้วยประกาศตนว่ายิ่งใหญ่ด้วยประกาศตนว่าหลุดพ้นแล้วหรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำเมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ เป็นเวลา อย่างน้อยถึง 40,000 ปีนรก”ขณะที่จะเดินทางต่อไปอีก ท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า “พอเถิดลูกไม่ต้องไปต่อแล้ว เพียงเท่านี้ก็คงพอแล้วกับการที่จะปิดเผยเรื่องนี้แก่มนุษย์ให้รับรู้ถึงบาปกรรมที่กระทำต่อพระพุทธรูปที่เปรียบเสมือนองค์แทนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงกลับไปบอกกับมนุษย์ทั้งหลายให้รับรู้ไว้” แล้วเราก็พากันเดินทางกลับมาที่โถงพิจารณาโทษซึ่งมีดวงจิตของผู้ที่ตายแล้วมารอรับการพิจารณาโทษมากมาย “พ่อยังมีงานต้องทำอีกมาก เอ็งกลับไปได้แล้ว ไปทำสิ่งที่เอ็งต้องทำ”“ครับท่านพ่อยมบาลวันนี้ผมขอลากลับก่อนวันข้างหน้าหากมีเรื่องที่จะมีผู้ทำลายพระพุทธศาสนาอีกผมจะลงมารบกวนท่านพ่ออีกนะครับ”“เออ ถ้ามันเป็นเรื่องของศาสนา เอ็งมาได้ทุกเวลาพ่ออนุญาต”“ขอบคุณครับท่านพ่อ งั้นวันนี้ผมลากลับไปก่อนนะครับ” ท่านพ่อยมบาลพยักหน้ารับไม่พูดอะไรอีก แล้วผมก็กลับมา จริงแล้วก็ไปด้วยฌานนั่นแหละ พอออกจากฌานก็ดูเวลาที่ไปมาทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 40 นาที ท่านผู้อ่านทั้งหลาย เมื่อท่านได้อ่านแล้วขอจงช่วยกันเผยแผ่เรื่องนี้ไปให้ทั่วด้วย ผมอนุญาตให้พิมพ์เผยแผ่ได้ยิ่งดี มาช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนาเอาไว้ให้ลูกหลานของเราสืบต่อไป แต่ก่อนที่จะจากท่านผู้อ่านไปในวันนี้ผมขอฝากข้อคิดไว้สักเรื่องหนึ่ง“การข้ามฟากจำเป็นต้องใช้เรือ พายข้ามไป บุคคลเมื่อข้ามฝั่งไปได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เรืออีก แต่แทนที่จะทำลายเรือนั้นทิ้งเสีย ทำไมไม่ปล่อยเรือลำนั้นให้ลอยกลับไปยังฝั่งเพื่อให้ผู้ที่ยังต้องการเรือข้ามฟากได้ใช้เรือนั้นข้ามฟากไปได้เช่นกันจะเป็นประโยชน์มากกว่าการทำลายเรือนั้นไม่ใช่หรือ เรือที่ผมพูดถึงก็คือพระพุทธรูปนั่นเอง ผู้ใดมีปัญญาคงจะเข้าใจความหมายนี้ ผมเป็นผู้หนึ่งที่พายเรือจนถึงฝั่งแล้ว แต่ไม่เคยคิดทำลายเรือลำนี้เลยเพราะคิดเสมอว่ายังมีผู้ต้องการอาศัยเรือลำนี้อยู่ทิ้งไว้ให้เขาได้ใช้ข้ามฟากต่อไปเถอะ”วันนี้คงต้องขอจบเรื่องราวต่างไว้เท่านี้ก่อน
“ไอ้อีผู้ใดได้ทุบทำลายพระพุทธรูปหรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำ มันผู้นั้นก็จักถูกทุบทำลายให้แหลกละเอียดไปดุจเดียวกันนี้ตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 40,000 ปี นรก “เดินผ่านเข้าไปอีก>>
ภาพที่สองที่ได้เห็นเป็นภาพของสัตว์นรกนั้นถูกนายนิริยะบาลจับแขนทั้งสองข้างไว้และอีกคนจับศีรษะตรึงไว้ ตามลำตัวนั้นมีหอกทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ทุกส่วนของร่ายกาย แล้วนายนิริยะบาลอีกคนหนึ่งถือกระบองที่เต็มไปด้วยหนามเดินเข้ามาจับสัตว์นรกนั้นอ้าปากแล้วเอากระบองหนามนั้นกระแทกลงไปที่ปากของสัตว์นรกนั้นขณะที่กระบองอยู่ในปากของสัตว์นรกนั้นนายนิริยะบาลนั้นก็หมุนกระบองไปด้วยบดขยี้ปากของสัตว์นรกนั้นจนเหวอะหวะแหลกเหลวสุดที่สัตว์นรกนั้นจะทนทานได้ขาดใจตายด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส หลังจากตายแล้วประมาณ 5-10 วินาที สัตว์นรกนั้นก็ฟื้นขึ้นมาแล้วก็ถูกกระทำอย่างเดิมซ้ำอยู่อย่างนั้น ท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า“ไอ้อีผู้ใดด่าทอกล่าววาจาลบหลู่ในพระพุทธรูป แล้วยังชวนให้คนอื่นกระทำเยี่ยงตัวหรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำ เมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ตลอดเวลาอย่างน้อย 40,000 ปีนรก”เดินต่อไปข้างหน้า>>
ภาพที่สามได้เห็นภาพข้างหน้าเป็นกองไฟนรกขนาดใหญ่ซึ่งมีความร้อนมากกว่าไฟในโลกมนุษย์ถึง 10,000 เท่า ( แต่ไม่มีความร้อนเลยสำหรับคนดีที่มีจิตใจอันบริสุทธิ์ ) นายนิริยะบาล 4 ตน ได้อุ้มสัตว์นรกตัวหนึ่งมาโยนลงไปในกองไฟนั้น สัตว์นรกนั้นเมื่อตกลงไปในกองไฟก็ร้องโหยหวลดิ้นทุรนทุรายเพราะอำนาจจากความร้อนของไฟนรกนั้น และพยายามจะวิ่งออกจากกองไฟ แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปทางใดที่ตรงนั้นก็จะเกิดกองไฟขึ้นเผาผลาญสัตว์นรกนั้นจนไหม้เกรียมในที่สุดกลายเป็นผงธุลีไปในพริบตา ภาพที่เห็นจากสัตว์นรกที่มีเลือดเนื้อและถูกเผาจนเห็นกระดูกจนแห้งจนเป็นผงธุลีน่าสยดสยอง ท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า “ไอ้อีผู้ใดได้เผาทำลายพระพุทธรูป หรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำเมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ เป็นเวลา อย่างน้อยถึง 40,000 ปี นรก” แล้วเราก็เดินเข้าปอีก>>
ภาพที่เห็นเบื้องหน้า สัตว์นรกตัวหนึ่งกำลังถูกเอามีดกรีดที่ผิวหนังแล้วลอกออกทีละชิ้นทีละชิ้น จนกระทั่งหมดทั้งตัว เหลือแต่เนื้อกับกระดูก แต่ส่วนใหญ่ขาดใจตายก่อนที่ถูกลอกหนังจนหมดตัวด้วยความเจ็บปวด หลังจากสิ้นใจตายไปแล้ว อีกประมาณ 5-10 วินาที สัตว์นรกตัวนั้นก็จะฟื้นขึ้นมาถูกกระทำในลักษณะเดิมอีกย่างนี้ตลอดระยะเวลาที่ต้องโทษ ท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า “ไอ้อีผู้ใดได้ขูดลอกทองที่ผิวองค์พระพุทธรูปด้วยความละโมภในทองนั้นหรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำเมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ เป็นเวลา อย่างน้อยถึง 40,000 ปีนรก”แล้วเราก็เดินกันเข้าไปอีก>>
ภาพที่เห็นต่อมาก็คือ สัตว์นรกตัวหนึ่งถูกถูกจับนั่งแล้วผูกมือเท้าไว้กับหลักประหารโดยไม่มีผ้าผูกตาเหมือนในโลกมนุษย์ สัตว์นรกนั้นอยู่ในอาการหวาดกลัวตลอดเวลานายนิริยะบาลนายหนึ่งตัวใหญ่มากถือดาบที่คมมากดาบนั้นใหญ่และหนักมาก คนธรรมดาอย่างเราต้องช่วยกันอย่างน้อย 10 คน ก็อาจจะยังยกไม่ขึ้นก็ได้ ยืนอยู่ข้างหลังสัตว์นรกตัวนั้น แล้วฟันดาบนั้นลงมาที่คอสัตว์นรกนั้นอย่างแรงเสียงดังมาก แต่แปลกที่คอของสัตว์นั้นไม่ได้ขาดกระเด็นกลับห้อยต่องแต่งเพราะเนื้อหนังยังไม่ขาดจากกันทั้งหมด สัตว์นั้นคงเจ็บปวดทรมานมากจะร้องก็ไม่ได้แล้วเจ็บปวดอยู่อย่างนั้นจนขาดใจตายไป ผมสงสัยจึงได้ถามท่านพ่อยมบาลไปว่า “ท่านพ่อครับทำไมจึงไมตัดให้ขาดไปทีเดียวกลับตับให้เหลือติดห้อยต่องแต่งอย่างนั้น” ท่านตอบมาว่า”ลูกเอยไอ้สัตว์นรกพวกนี้มันต้องได้รับความเจ็บปวดให้มากๆจึงจะหราบจำ ที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อให้มันเจ็บปวดที่สุดจะได้เกรงกกลัวและไม่ทำชั่วอีก” แล้วท่านก็พูดต่อว่า “ไอ้อีผู้ใดที่มันชอบตัดเศียรพระตัดแขนพระตัดมือพระพุทธรูปเพื่อการค้าหรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำเมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ เป็นเวลา อย่างน้อยถึง 40,000 ปีนรก” แล้วเราก็เดินต่อเข้าไปอีก>>
ภาพที่เห็นเบื้องหน้านั้นสยดสยองกว่าที่เห็นมาแต่ต้นเป็นภาพที่สัตว์นรกนั้นดิ้นทุรนทุรายเพราะถูกน้ำกรดมีมีฤทธิ์กัดรุนแรงกว่าในโลกมนุษย์นี้เป็น 10,000 เท่า นายนิริยะบาลหลายนายช่วยกันตักน้ำกรดนั้นที่ละกระบวยราดลงไปที่สัตว์นรกนั้น ผิวหนังของสัตว์นรกนั้นเมื่อโดนน้ำกรดกัดก็เกิดเป็นแผลเหวอะหวะเลือดไหลนองไปทั่วร่างกาย กระบวยแล้วกระบวยเล่า ถูกน้ำกรดกัดจดถึงกระดูกน้ำกรดนั้นกัดจนกระดูกละลายในทันที สัตว์นั้นไม่อาจทนความเจ็บปวดได้ก็ขาดใจตายไป อีกประมาณ 5-10 วินาทีต่อมา สัตว์นั้นก็ฟ้นขึ้นมาแล้วก็ถูกกระทำอย่างเดิมซ้ำอยู่อย่างนั้น ท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า “ไอ้อีผู้ใดได้ใช้น้ำกรดราดพระพุทธรูปโดยมีเจตนาที่จะทำลายพระพุทธรูปนั้นให้พินาศลงหรือกระทำเพื่อลบหลู่หรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำเมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ เป็นเวลา อย่างน้อยถึง 40,000 ปีนรก”แล้วเราก็เดินต่อเข้าไปอีก>>
ภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็คือสัตว์นรกนั้นถูกจับมัดมือมัดเท้าให้นอนราบกับพื้นแล้วนายนิริยะบาลก็พาฝูงสัตว์นรกอื่นเป็นสัตว์ประเภทต่างๆที่เลี้ยงไว้ใช้ลงโทษ มีสุนัขเป็นต้น มาเหยียบย่ำสัตว์นั้นฝูงหนึ่งๆมีจำนวนเป็นร้อยบ้าง เป็นพันบ้าง ฝูงแล้วฝูงเล่า สัตว์แต่ละตัวนั้นใหญ่มากเล็กสุดประมาณเท่าควายบนโลกมนุษย์ เดนเหยียบไปบนร่างของสัตว์นรกนั้นทีละตัวที่ละตัวจนกว่าสัตว์นรกที่ถูกเหยียบนั้นจะตาย ทั้งกระอักเลือด ทั้งไส้แตกกระจายออกมา ทั้งกระดูกหักไปทั้งตัว ร้องโหยหวนจนขาดใจตาย จากนั้นอีกประมาณ 5-10 วินาทีสัตว์นรกนั้นก็ฟื้นขึ้นมาแล้วถูกกระทำอย่างเดิมนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดกรรม ท่านพ่อยมบาลพูดขึ้นว่า “ไอ้อีผู้ใดเหยียบย่ำทำลายพระพุทธรูปด้วยความลบหลู่ด้วยประกาศตนว่ายิ่งใหญ่ด้วยประกาศตนว่าหลุดพ้นแล้วหรือจ้างหรือชักชวนหรือสั่งให้ผู้อื่นทำเมื่อมันผู้นั้นตายไปก็จักได้รับโทษเยี่ยงนี้ เป็นเวลา อย่างน้อยถึง 40,000 ปีนรก”ขณะที่จะเดินทางต่อไปอีก ท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า “พอเถิดลูกไม่ต้องไปต่อแล้ว เพียงเท่านี้ก็คงพอแล้วกับการที่จะปิดเผยเรื่องนี้แก่มนุษย์ให้รับรู้ถึงบาปกรรมที่กระทำต่อพระพุทธรูปที่เปรียบเสมือนองค์แทนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงกลับไปบอกกับมนุษย์ทั้งหลายให้รับรู้ไว้” แล้วเราก็พากันเดินทางกลับมาที่โถงพิจารณาโทษซึ่งมีดวงจิตของผู้ที่ตายแล้วมารอรับการพิจารณาโทษมากมาย “พ่อยังมีงานต้องทำอีกมาก เอ็งกลับไปได้แล้ว ไปทำสิ่งที่เอ็งต้องทำ”“ครับท่านพ่อยมบาลวันนี้ผมขอลากลับก่อนวันข้างหน้าหากมีเรื่องที่จะมีผู้ทำลายพระพุทธศาสนาอีกผมจะลงมารบกวนท่านพ่ออีกนะครับ”“เออ ถ้ามันเป็นเรื่องของศาสนา เอ็งมาได้ทุกเวลาพ่ออนุญาต”“ขอบคุณครับท่านพ่อ งั้นวันนี้ผมลากลับไปก่อนนะครับ” ท่านพ่อยมบาลพยักหน้ารับไม่พูดอะไรอีก แล้วผมก็กลับมา จริงแล้วก็ไปด้วยฌานนั่นแหละ พอออกจากฌานก็ดูเวลาที่ไปมาทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 40 นาที ท่านผู้อ่านทั้งหลาย เมื่อท่านได้อ่านแล้วขอจงช่วยกันเผยแผ่เรื่องนี้ไปให้ทั่วด้วย ผมอนุญาตให้พิมพ์เผยแผ่ได้ยิ่งดี มาช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนาเอาไว้ให้ลูกหลานของเราสืบต่อไป แต่ก่อนที่จะจากท่านผู้อ่านไปในวันนี้ผมขอฝากข้อคิดไว้สักเรื่องหนึ่ง“การข้ามฟากจำเป็นต้องใช้เรือ พายข้ามไป บุคคลเมื่อข้ามฝั่งไปได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เรืออีก แต่แทนที่จะทำลายเรือนั้นทิ้งเสีย ทำไมไม่ปล่อยเรือลำนั้นให้ลอยกลับไปยังฝั่งเพื่อให้ผู้ที่ยังต้องการเรือข้ามฟากได้ใช้เรือนั้นข้ามฟากไปได้เช่นกันจะเป็นประโยชน์มากกว่าการทำลายเรือนั้นไม่ใช่หรือ เรือที่ผมพูดถึงก็คือพระพุทธรูปนั่นเอง ผู้ใดมีปัญญาคงจะเข้าใจความหมายนี้ ผมเป็นผู้หนึ่งที่พายเรือจนถึงฝั่งแล้ว แต่ไม่เคยคิดทำลายเรือลำนี้เลยเพราะคิดเสมอว่ายังมีผู้ต้องการอาศัยเรือลำนี้อยู่ทิ้งไว้ให้เขาได้ใช้ข้ามฟากต่อไปเถอะ”วันนี้คงต้องขอจบเรื่องราวต่างไว้เท่านี้ก่อน
ที่มา http://board.palungjit.com/f12/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B-%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%AD-290052.html