โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ
เมื่อมนุษย์ทั้งหลายเบื่อที่จะเข้าวัด แม่หมาตัวหนึ่งก็ชวนลูกหมาไปฟังเทศน์ ทางที่จะไปวัดนั้นต้องผ่านป่าช้าที่ทิ้งศพมนุษย์ ด้วยความเคารพในธรรม แม่หมาจึงเร่งลูก เพราะกลัวจะไปสาย ส่วนลูกหมานั้นกำลังหิวเป็นกำลังจึงอ้อนวอนขอกินศพก่อน ผู้ชมลองฟังคำโต้ตอบของแม่ลูกคู่นี้ดู
เมื่อมนุษย์ทั้งหลายเบื่อที่จะเข้าวัด แม่หมาตัวหนึ่งก็ชวนลูกหมาไปฟังเทศน์ ทางที่จะไปวัดนั้นต้องผ่านป่าช้าที่ทิ้งศพมนุษย์ ด้วยความเคารพในธรรม แม่หมาจึงเร่งลูก เพราะกลัวจะไปสาย ส่วนลูกหมานั้นกำลังหิวเป็นกำลังจึงอ้อนวอนขอกินศพก่อน ผู้ชมลองฟังคำโต้ตอบของแม่ลูกคู่นี้ดู
แม่หมา: เจ้าจะกินตรงไหน ไวบอกแม่
ลูกหมา: รสเลิศแท้ ตาผี ไม่มีสอง
แม่หมา: อย่าเลยลูก ตามัน แส่แต่มอง ทั้งโขนหนังนั่งจ้องกระจกเงา จะหาแลแต่สิ่งที่สวยงาม อย่านะ!
เจ้าจะทรามขืนกินเข้า
ลูกหมา: ถ้าอย่างนั้น ฉันกินหูมัน ได้ไหมเล่า?
แม่หมา: หูมันเฝ้าแต่จะฟังเสียงสอพลอ
ลูกหมา: (รำพึง) แม่จ๋า, หูมันคงไม่ฟังพระสั่งสอน ลูกขอวอนกินจมูกได้ไหมหนอ?
แม่หมา: อย่าเลย, ถ้าเจ้าหยิ่งในเหล่ากอ มันชอบพอแต่จะดมกลิ่นดีๆ
ลูกหมา: ถ้าอย่างนั้น ลูกจะกินลิ้นมันนะ
แม่หมา: ตายละ ! สับปลับ ปล้อนปลิ้น ลิ้นคนนี่ ปากว่าชอบนิพพานอย่างโน้นนี้ แท้จริงซิ สังสารวัฏฏ์
เต็มอัตรา
ลูกหมา: ถ้าอย่างนั้น, ฉันกินมือ ได้หรือแม่?
แม่หมา: อัปรีย์แท้ เทียวลูก, มือคนหนา หน้าไหว้หลังหลอกต่อครูบา ทั้งเข่นฆ่าเฆี่ยนตี พ่อแม่ตัว
ลูกหมา: อย่างนั้นลูกจะขอ กัดกิน ตีนของมัน
แม่หมา: ลูกเอ๋ย นั่นมันร้ายอยู่ใช่ชั่ว ไม่ย่างเท้าเข้าฟังธรรมประจำตัว เดินไปทั่วแต่ทางแห่งอบาย
ลูกหมา: แม่จ๋า ลูกขอกินหัวใจผี (นะแม่นะ)
แม่หมา (ขู่คำราม ขนตั้งชัน) หยุดนะ อย่านะ นั่นกาลี น่าใจหาย
ตัวกู-ของกูอยู่นั่นนะลูกชาย ใจคนร้ายโสมม เสียสิ้นดี
นั่นแหละลูกหมาที่น่าสงสารจึงได้รู้จักสัตว์ที่เรียกตนเองว่า “มนุษย์”ซึ่งแปลว่า มีใจสูง ดีขึ้น จึงจ้องมองดูศพด้วยดวงตาอันเหยียดหยามถ่มเขฬะรดแล้วว่า
ลูกหมา: รสเลิศแท้ ตาผี ไม่มีสอง
แม่หมา: อย่าเลยลูก ตามัน แส่แต่มอง ทั้งโขนหนังนั่งจ้องกระจกเงา จะหาแลแต่สิ่งที่สวยงาม อย่านะ!
เจ้าจะทรามขืนกินเข้า
ลูกหมา: ถ้าอย่างนั้น ฉันกินหูมัน ได้ไหมเล่า?
แม่หมา: หูมันเฝ้าแต่จะฟังเสียงสอพลอ
ลูกหมา: (รำพึง) แม่จ๋า, หูมันคงไม่ฟังพระสั่งสอน ลูกขอวอนกินจมูกได้ไหมหนอ?
แม่หมา: อย่าเลย, ถ้าเจ้าหยิ่งในเหล่ากอ มันชอบพอแต่จะดมกลิ่นดีๆ
ลูกหมา: ถ้าอย่างนั้น ลูกจะกินลิ้นมันนะ
แม่หมา: ตายละ ! สับปลับ ปล้อนปลิ้น ลิ้นคนนี่ ปากว่าชอบนิพพานอย่างโน้นนี้ แท้จริงซิ สังสารวัฏฏ์
เต็มอัตรา
ลูกหมา: ถ้าอย่างนั้น, ฉันกินมือ ได้หรือแม่?
แม่หมา: อัปรีย์แท้ เทียวลูก, มือคนหนา หน้าไหว้หลังหลอกต่อครูบา ทั้งเข่นฆ่าเฆี่ยนตี พ่อแม่ตัว
ลูกหมา: อย่างนั้นลูกจะขอ กัดกิน ตีนของมัน
แม่หมา: ลูกเอ๋ย นั่นมันร้ายอยู่ใช่ชั่ว ไม่ย่างเท้าเข้าฟังธรรมประจำตัว เดินไปทั่วแต่ทางแห่งอบาย
ลูกหมา: แม่จ๋า ลูกขอกินหัวใจผี (นะแม่นะ)
แม่หมา (ขู่คำราม ขนตั้งชัน) หยุดนะ อย่านะ นั่นกาลี น่าใจหาย
ตัวกู-ของกูอยู่นั่นนะลูกชาย ใจคนร้ายโสมม เสียสิ้นดี
นั่นแหละลูกหมาที่น่าสงสารจึงได้รู้จักสัตว์ที่เรียกตนเองว่า “มนุษย์”ซึ่งแปลว่า มีใจสูง ดีขึ้น จึงจ้องมองดูศพด้วยดวงตาอันเหยียดหยามถ่มเขฬะรดแล้วว่า
“อ้ายชาติชั่ว เรียกตัว ว่ามนุษย์ ผลที่สุด ไม่มีดี อะไรนี่
อนิจจา หมาไม่กิน ขำสิ้นดี เสียแรงที่แสนฉลาด อ้ายชาติคน”
อนิจจา หมาไม่กิน ขำสิ้นดี เสียแรงที่แสนฉลาด อ้ายชาติคน”
ที่มา หนังสืออภิมหามงคลคาถา