หลังจากที่ได้บอกกล่าวเรื่องคุณแห่งพระพุทธรูปไปแล้วผมจึงคิดว่าน่าที่จะไปค้นหาโทษที่กระทำต่อพระพุทธรูปมาบอกมาเล่าให้ผู้อ่านทั้งหลายได้ประจักษ์กันว่าการกระทำในทางไม่ดีต่อพระพุทธรูปที่เปรียบเสมือนองค์แทนของพระพุทธเจ้านั้นจะมีโทษอย่างไร วันนี้ ( 3 ส.ค. 2551 ) เวลา 17.00 น.เลยตัดสินใจลงไปพบท่านพ่อยมบาลขอให้เปิดนรกขุมของผู้ที่กระทำการบาปหยาบช้าต่อพระพุทธรูป ให้ดู ท่านพ่อยมบาลถามว่า “จะดูไปทำไม”ผมตอบท่านไปว่า “ตอนนี้ที่ในโลกมนุษย์กำลังมีผู้ทำลายพระพุทธรูปและชักนำให้คนอื่นทำลายไปด้วย ผมเกรงว่าจะเกิดความสับสนต่อพุทธศาสนิกชนที่ประพฤติดีงามอยู่ ผมจำเป็นต้องลงมา” ท่านพ่อบอกว่าความจริงท่านไม่อยากจะเปิดแต่ด้วยเหตุผลที่ผมบอกท่านเกี่ยวกับพุทธศาสนิกชนที่ดียังมีอยู่และเพื่อศรัทธาที่จะไม่เสื่อมท่านจึงยอมเปิดและพาผมไปดูนรกขุมนั้น นรกขุมนั้นมีชื่อว่า“พุทธรูปัง หิงสิ” แปลว่า “ทำลายพระพุทธรูป” ก็เป็นขุมนรกของผู้ทำลายพระพุทธรูปนั่นเอง นรกขุมนี้นั้นอยู่ลึกและไกลออกไปจากห้องโถงที่ใช้ตัดสินโทษพวกสัตว์หรือหรือดวงจิตของผู้ที่ตายไปแล้วมาก ท่านพ่อยมบาลได้พาเดินเท้าไปที่นรกขุมนั้นตลอดสองข้างทางได้เห็นสัตว์นรกถูกทรมานในลักษณะต่างๆตามโทษของตน เสียงร้องโหยหวนของสัตว์นรกระงมไปทั่วพอเดินไปใกล้จะถึงท่านพ่อยมบาลก็พูดขึ้นว่า “นรกขุมนี้ไม่ค่อยได้เปิดเท่าไหร่ส่วนใหญ่แล้วนานๆจะมีสัตว์นรกมาเกิดที่นี่ทีเพราะไม่ค่อยมีผู่ทำลายเท่าไหร่ ที่มีอยู่ก็เป็นพวกสัตว์นรกเก่าๆที่ยังรับโทษอยู่ โดยเฉพาะสัตว์นรกรุ่นที่ทำลายเผาวัดและพระพุทธรูปในสมัยตอนปลายอยุธยายังอยู่อีกเยอะเลย ตั้งแต่นั้นก็นานๆมาทีล่าสุดก็พวกที่ทำลายพระพุทธรูปแกะสลักที่อัฟกานิสถานนั่นไงแต่ยังมาไม่หมดกำลังทยอยมา และคงจะได้รองรับพวกที่กำลังกระทำต่อพระพุทธรูปอยู่ในเวลานี้ไม่เว้นแม้ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือฆราวาสที่กล่าวอ้างตนว่าพ้นโลกแล้วก็ตาม เอาหล่ะถึงแล้วเราเข้าไปดูกันเถอะ” เมื่อประตูนรกขุมนั้นถูกเปิดออกก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังระงมมาก่อน"
|
ข้อมูลที่โพสหากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วย
โอวาทธรรมต่างๆ
All
|